
เงื่อนไขเข้าร่วมมาตรการแก้หนี้จากโครงการ คุณสู้ เราช่วย หรือมาตรการแก้หนี้จากรัฐบาล ซึ่งหากคุณเป็นหนึ่งคนที่อยากลงทะเบียนแก้หนี้ และไม่มั่นใจว่าโครงการนี้มีรายละเอียดและเงื่อนไขการลงทะเบียนอย่างไรบ้าง เราหาคำตอบมาให้แล้วในบทความนี้
รายละเอียดโครงการ คุณสู้ เราช่วย
1. มาตรการที่ 1 “จ่ายตรง คงทรัพย์”
“จ่ายตรง คงทรัพย์” คือ การช่วยเหลือลูกหนี้สินเชื่อบ้าน รถ และ SMEs ขนาดเล็กที่มีวงเงินหนี้ไม่สูงมาก ให้สามารถรักษาทรัพย์สินที่เป็นหลักประกันไว้ได้ ไม่ว่าจะเป็นบ้าน รถ ธุรกิจ สถานประกอบการ โดยเป็นการปรับโครงสร้างหนี้แบบลดค่างวดและลดดอกเบี้ย โดยค่างวดที่จ่ายจะนำไปตัดเงินต้น โดยการให้ความช่วยเหลือแบ่งออกเป็น 2 รูปแบบคือ
- ลดค่างวดเป็นระยะเวลา 3 ปี โดยลูกหนี้ชำระค่างวดขั้นต่ำที่ 50% 70% และ 90% ของค่างวดเดิม ในปีที่ 1 ปีที่ 2 และปีที่ 3 ตามลำดับ ซึ่งค่างวดทั้งหมดนี้จะนำไปตัดเงินต้น
- พักดอกเบี้ยเป็นระยะเวลา 3 ปี โดยดอกเบี้ยที่พักไว้จะได้รับยกเว้นทั้งหมด หากลูกหนี้ปฏิบัติได้ตามเงื่อนไขได้ตลอดช่วงระยะเวลา 3 ปีที่อยู่ภายใต้มาตรการ
หมายเหตุ : ลูกหนี้สามารถชำระมากกว่าค่างวดขั้นต่ำที่กำหนดไว้ได้ เพื่อตัดเงินต้นเพิ่มและปิดจบหนี้ได้ไวขึ้น
คุณสมบัติลูกหนี้ที่สามารถเข้าร่วมมาตรการ จ่ายตรง คงทรัพย์ ได้
1. มีวงเงินสินเชื่อรวมต่อสถาบันการเงินไม่เกินที่กำหนด
โดยพิจารณาแยกวงเงินตามประเภทสินเชื่อที่มีต่อสถาบันการเงิน ดังนี้
- สินเชื่อบ้าน / สินเชื่อบ้านแลกเงิน : วงเงินไม่เกิน 5 ล้านบาท
- สินเชื่อเช่าซื้อ / จำนำทะเบียนรถยนต์ : วงเงินไม่เกิน 8 แสนบาท
- สินเชื่อเช่าซื้อ / จำนำทะเบียนรถจักรยานยนต์ : วงเงินไม่เกิน 5 หมื่นบาท
- สินเชื่อธุรกิจ SMEs : วงเงินไม่เกิน 5 ล้านบาท
- สินเชื่อส่วนบุคคลและบัตรเครดิต : หากมีหนี้บ้านหรือรถที่เข้าเงื่อนไขข้างต้น สามารถพิจารณาเข้ามาตรการรวมหนี้ได้ ภายใต้ระดับความเสี่ยงที่สถาบันการเงินรับได้ โดยวงเงินเมื่อรวมแล้วไม่เกินเงื่อนไขที่กำหนด
2. เป็นสินเชื่อที่ทำสัญญาก่อนวันที่ 1 ม.ค. 67
3. มีสถานะหนี้ ณ วันที่ 31 ต.ค. 67 อย่างใดอย่างหนึ่ง
- เป็นหนี้ที่ค้างชำระเกินกว่า 30 วัน แต่ไม่เกิน 365 วัน
- เป็นหนี้ที่ไม่ค้างชำระหรือค้างชำระไม่เกิน 30 วัน แต่เคยมีประวัติการค้างชำระเกิน 30 วัน และได้รับการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 65
เงื่อนไขของการเข้าร่วมมาตรการ “จ่ายตรง คงทรัพย์”
1. ลูกหนี้ต้องไม่ทำสัญญาสินเชื่อเพิ่มเติมในช่วง 12 เดือนแรกที่เข้าร่วมมาตรการ
ยกเว้นกรณีสินเชื่อธุรกิจ SMEs ที่จำเป็นต้องกู้เงินเพื่อเสริมสภาพคล่อง เจ้าหนี้สามารถให้สินเชื่อเพิ่มเติมได้โดยจะพิจารณาความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้ตามความเหมาะสม
2. ลูกหนี้รับทราบว่า จะมีการรายงานข้อมูลต่อ เครดิตบูโร (NCB) ถึงการเข้าร่วมมาตรการจ่ายตรง คงทรัพย์
3. หากลูกหนี้ไม่สามารถจ่ายชำระค่างวดขั้นต่ำได้ตามที่มาตรการกำหนด
หรือไม่สามารถปฏิบัติตามเงื่อนไขอื่น ๆ ได้ เช่น ลูกหนี้ก่อหนี้ใหม่ก่อนระยะเวลา 12 เดือน ลูกหนี้จะต้องออกจากมาตรการและชำระดอกเบี้ยที่ได้รับการพักไว้ในระหว่างที่เข้ามาตรการ
4. กรณีเป็นสัญญาสินเชื่อที่มีผู้ค้ำประกัน
ผู้ค้ำประกันต้องให้ความยินยอมในการเข้าร่วมมาตรการและลงนามในสัญญาค้ำประกันใหม่
2. มาตรการที่ 2 “จ่าย ปิด จบ”
มาตรการนี้เป็นการช่วยลูกหนี้รายย่อยที่มีหนี้เสียและยอดหนี้ไม่สูง ผ่านการปรับโครงสร้างหนี้แบบผ่อนปรน เพื่อเปลี่ยนสถานะจากหนี้เสียเป็นปิดจบหนี้ โดยรูปแบบการให้ความช่วยเหลือ คือ ลูกหนี้จะได้รับการปรับโครงสร้างหนี้แบบผ่อนปรน ซึ่งลูกหนี้จะชำระหนี้บางส่วน เพื่อให้สามารถจ่ายและปิดจบหนี้ได้เร็วขึ้น
คุณสมบัติลูกหนี้ที่สามารถเข้าร่วมมาตรการ “จ่าย ปิด จบ” ได้
- ลูกหนี้บุคคลธรรมดา ที่มีสถานะค้างชำระเกินกว่า 90 วัน (NPL) ณ วันที่ 31 ต.ค. 67
- มีภาระหนี้ต่อบัญชี ไม่เกิน 5,000 บาท โดยไม่จำกัดประเภทสินเชื่อ (สามารถเข้าร่วมมาตรการได้มากกว่า 1 บัญชี)
ทั้งนี้ ในอนาคตผู้ประกอบธุรกิจกลุ่ม Non-Bank อื่นๆ จะมีความช่วยเหลือออกมาเพิ่มเติม ซึ่งอาจมีรายละเอียดที่แตกต่างไป เพื่อผลักดันให้การแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนเดินหน้าได้อย่างเป็นรูปธรรมในวงกว้างและครอบคลุมลูกหนี้ได้มากขึ้น
ขั้นตอนการลงทะเบียนแก้หนี้
ลูกหนี้ที่สนใจเข้าร่วมมาตรการ ภายใต้โครงการ “คุณสู้ เราช่วย” สามารถศึกษารายละเอียดของมาตรการและลงทะเบียนเข้าร่วมได้ที่ https://www.bot.or.th/khunsoo โดยจะเปิดลงทะเบียนตั้งแต่วันที่ 12 ธ.ค. 67 เวลา 8.30 น. จนถึงวันที่ 30 เมษายน 2568 เวลา 23.59 น. ซึ่งมีขั้นตอนการลงทะเบียนดังนี้
- เข้าเว็บไซต์ https://www.bot.or.th/khunsoo ได้ตั้งแต่วันที่ 12 ธันวาคม 2567
- ตรวจสอบรายละเอียดมาตรการ คุณสมบัติ และเงื่อนไขการเข้าร่วมก่อนลงทะเบียน จากนั้นกดยอมรับ
- สมัครเข้าใช้ระบบด้วยอีเมล หรือ ThaID โดยแสกนคิวอาร์โค้ด บนแอปพลิเคชัน ThaID เพื่อยืนยันตัวตน
- กรอกข้อมูลลงทะเบียนให้ครบถ้วน ได้แก่ ชื่อ-สกุล หมายเลขประจำตัวประชาชน เบอร์โทรติดต่อ อีเมล
- ส่งคำขอแก้หนี้ โดยกดเลือก ผู้ให้บริการที่ต้องมาช่วย และผลิตภัณฑ์ที่ต้องการเข้าร่วม หากมีผู้ให้บริการหรือผลิตภัณฑ์ที่ต้องการเข้าร่วมมากกว่า 1 แห่ง/ประเภท สามารถกดเพิ่มได้
- ลงทะเบียนเสร็จสิ้น ลูกหนี้เก็บหมายเลขคำร้องไว้ เพื่อติดตามสถานะการลงทะเบียน
- สถาบันการเงินจะเริ่มติดต่อกลับภายใน 10 วันทำการ หลังลงทะเบียนสำเร็จ (อ้างอิง https://www.bot.or.th/th/faqs )
หากมีข้อสงสัยสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ได้ที่ BOT Contact Center ของ ธนาคารแห่งประเทศไทย โทร 1213 หรือ call center ของสถาบันการเงินที่เข้าร่วมโครงการและกดเบอร์ต่อ 99
หนี้บัตรเครดิต ปิดได้ ไม่ต้องรอหนี้เสีย ด้วยสินเชื่อบุคคล
หากคุณเป็นหนึ่งคนที่มีหนี้หลายก้อน อยากแบ่งเบาภาระการผ่อนจ่ายหนี้แต่ละเดือนให้ลดลง และกังวลเกี่ยวกับประวัติเครดิตทางการเงิน คุณสามารถเลือกปิดหนี้ด้วยสินเชื่อบุคคลได้เลยโดยไม่ต้องรอให้เกิดหนี้เสียที่อาจจะทำให้ประวัติเครดิตด่างพร้อย ด้วย สินเชื่อรวมหนี้บัตรเครดิต สินเชื่อบุคคล เพอร์ซันนัลแคช (Personal Cash) ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย สินเชื่อรวมหนี้ รีไฟแนนซ์บัตรเครดิต ดอกเบี้ยต่ำ สำหรับพนักงานประจำที่มีรายได้ 30,000 บาทขึ้นไป สมัครง่ายไม่ต้องมีหลักทรัพย์หรือบุคคลค้ำประกัน แบ่งชำระคืนธนาคารเป็นรายเดือน เดือนละเท่าๆ กัน คิดดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก ไม่มีค่าดำเนินการขอสินเชื่อ ให้คุณปิดหนี้ได้อย่างใจหวัง
สมัครสินเชื่อบุคคลเพอร์ซันนัลแคช ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย ผ่านช่องทางออนไลน์ ได้ 3 ช่องทาง
- เว็บไซต์ https://www.cimbthaionlinecampaign.com/droplead/personal.html
- แอดไลน์ @cimbpersonalloan https://lin.ee/I1JAHpA
- สมัครสินเชื่อออนไลน์ ผ่านแอป CIMB THAI ดาวน์โหลดได้ ทั้งระบบ IOS และ Android คลิก
เงื่อนไขอัตราดอกเบี้ย สินเชื่อบุคคล เพอร์ซันนัลแคช (Personal Cash) ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย
- กู้เท่าที่จำเป็นและชำระคืนไหว
- 9.99% ต่อปี อายุสัญญา 12 เดือน
- อัตราดอกเบี้ยอยู่ระหว่าง 9.99% - 25% ต่อปี
- อัตราดอกเบี้ยและเงื่อนไขเป็นไปตามที่ธนาคารประกาศกำหนด
หมายเหตุ
- วงเงินอนุมัติเป็นไปตามหลักเกณฑ์การพิจารณาสินเชื่อของทางธนาคาร
- เวลาให้บริการ จันทร์ – ศุกร์ เวลา 8:30 – 17:30 น.
- ติดต่อสอบถามเพิ่มเติม CIMB Thai Care Center โทร. 02 626 7777
อ้างอิงข้อมูลจาก : https://policywatch.thaipbs.or.th/article/economy-128